วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557

รามเกียรติ์ ช่วงที่ 2 ตอนที่ 10

รามเกียรติ์ฉบับย่อจังหวะนรก ช่วงที่ 2 ตอนที่ 10 “เที่ยวเมืองลงกา...ไม่มาไม่รู้”

เมื่อข้ามมหาสมุทรมาจนถึงเกาะที่ตั้งเมืองลงกา นกยักษ์สัมพาทีก็พาบินวนสำรวจรอบ ๆ เกาะพร้อมทั้งอธิบายลักษณะพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งแนวป่าทึบ เขานิลกาลา เสร็จแล้วจึงพาทั้งสามกลับมายังเขาเหมติวันอีกครั้ง

หนุมาน องคตและชมพูพานนั่งปรึกษากันเรื่องลอบเข้าเมืองลงกา หนุมานว่าระยะทางขนาดนั้นคงพอจะเหาะข้ามได้ องคตก็บอกว่าข้าคงข้ามไม่ได้ คงจะตกก่อนถึงฝั่งอยู่เยอะเหมือนกัน ส่วนชมพูพานส่ายหัวดิก บอกว่าข้าจะข้ามไปได้สักครึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขนาดสามวานรเอกยังไม่ค่อยจะไหว นับประสาอะไรกับเหล่าลิงน้อยลูกกระจ๊อก หนุมานจึงอาสาไปแต่เพียงคนเดียว ส่วนองคตกับชมพูพานให้อยู่ควบคุมกองพลอยู่ทางฝั่งนี้ พร้อมระวังเป็นกองสนับสนุนตอนขากลับหากถูกศัตรูตามมา ว่าแล้วหนุมานก็เตรียมตัวยืดเส้นยืดสายก่อนพุ่งทะยานเหาะข้ามมหาสมุทรไปยังเกาะเมืองลงกา...

ในขณะที่กำลังจะถึงฝั่งมองเห็นอยู่ลิบ ๆ นั้นเอง ก็เกิดเหตุทะเลปั่นป่วนเป็นฟองคลื่นขาวไปหมด สัตว์น้ำทั้งเล็กใหญ่ทั้งสัตว์ปกติและสัตว์ร้ายต่างพุ่งแหวกว่ายกระจัดกระเจิงไปคนละทิศละทาง น้ำทะเลหนุนสูงขึ้นเหมือนภูเขา แล้วก็พลันปรากฏยักษิณีตัวใหญ่น่ากลัวตนหนึ่งขวางทางหนุมานไว้...



ยักษิณีตนนี้นามเดิมว่า “สิหิกา” แต่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “นางผีเสื้อสมุทร” เป็นนายด่านทางน้ำของเมืองลงกามาตั้งแต่สมัยที่สหบดีพรหมหรือพระพรหมสั่งให้พระวิศวกรรมสร้างกรุงลงกาในครั้งแรกนั้นเอง (เรื่องสร้างกรุงลงกาอยู่ในช่วงที่ 1 ตอนแรก ๆ เลย ลองย้อนกลับไปอ่านกันดูได้นะครับ) เป็นหนึ่งในเจ็ดกองลาดตระเวนรักษาเมือง ได้แก่ กุมภาสุร ฤทธิกัน สารัณทูต วิชุดา วายุภักษ์ อากาศตะไลและผีเสื้อสมุทร...

ในเรื่องความหมายของชื่อ “ผีเสื้อสมุทร” นั้น ขอแยกออกเป็น 3 คำ ได้แก่ ผี, เสื้อและสมุทร โดยใจความสำคัญคือคำว่า “เสื้อ” ที่หมายถึง “ผู้ปกป้อง” เช่นคำว่า “พระเสื้อเมือง” หรือ “พระทรงเมือง” ในสมัยก่อนนั่นเอง ส่วนคำว่า “ผี” ก็คือภูตผีที่ใช้กันโดยทั่วไป เนื่องจากสมัยก่อนเราแบ่งแยกประเภทในเรื่องราวประเภทนี้ออกเป็น 3 ส่วน คือ เทวดา มนุษย์และผี ไม่ได้มีการแยกย่อยรายละเอียดเป็น ยักษ์ นางไม้ เอลฟ์ ฮ๊อบบิท พิกซี่ เหมือนในปัจจุบัน ในเมื่อไม่ใช่มนุษย์ ไม่ได้อยู่ฝ่ายดี ก็ต้องเป็นผีนั่นเอง ดังนั้นคำนี้ถ้าแปลความหมายโดยรวมน่าจะหมายถึง “ภูตผู้พิทักษ์ปกป้องในเขตมหาสมุทร” (อ่านฟรี ๆ  สาระแน่น ๆ คุ้มมั๊ยล่ะ 555)...

กลับมาที่หนุมานกันก่อน แค่เหาะมายังลุ้นว่าจะถึงหรือไม่ถึง เหนื่อยก็เหนื่อย ปกติชีวิตลิงก็ไม่ได้ไปวุ่นวายอะไรในน้ำอยู่แล้ว มาเจอศัตรูแบบนี้ก็ไม่รู้จะสู้ยังไง จะเหาะหนีก็โดนตามทัน พอจะสู้แม่ยักษ์นั่นก็ลากลงน้ำ ดำผุดดำว่ายหายใจไม่สะดวกอีก สุดท้ายก็คิดแผนได้ จึงแสร้งพุ่งขึ้นเหนือน้ำ ทำฟอร์มว่าจะหนี นางยักษิณีเห็นแบบนั้นก็ตามสิครับ หนุมานรออยู่บนฟ้าคอยท่าอยู่แล้ว พอเห็นนางยักษ์กำลังจะโผล่มาก็แปลงร่างหดลงจนเล็กจิ๋ว ผีเสื้อสมุทรโผล่มา หาไม่เจอก็คลั่ง หันรีหันขวางหันซ้ายหันขวา แหกปากร้องโวยวาย หนุมานสบโอกาสก็เหาะเข้าไปใน Oral (ช่องปาก) ผ่าน Esophagus (หลอดอาหาร) ลงไปยัง Stomach (กระเพาะอาหาร) (กระแดะภาษาอังกฤษซะด้วย 555) แล้วก็ล้วงเอาตรีศูลวิเศษออกมาจากหน้าอก จ้วงแทงแหวกท้องผ่าลำตัวนางผีเสื้อสมุทรเละเทะจนขาดใจตาย เป็นอันเสร็จสิ้นการต่อสู้ จากนั้นจึงล้างเนื้อล้างตัวแล้วเหาะข้ามไปถึงเกาะโดยปลอดภัย...


ครั้งก่อนหนุมานขี่หลังพญานกสัมพาทีมาสำรวจเกาะครั้งหนึ่งแล้ว จำได้ว่ามีเขาสูงใหญ่ชื่อเขานิลกาลา หากได้ขึ้นไปสำรวจสภาพโดยรอบก่อนคงเป็นการดี ว่าแล้วหนุมานจึงเหาะลงยังภูเขาสูงทันที พอลงถึงพื้นดินก็เดินสำรวจภูเขานั้นก่อนก็มาเจออาศรมของฤๅษีตนหนึ่ง จึงจำแลงกายเป็นลิงน้อยน่ารักมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งเข้าไปหา ใจของหนุมานก็ไม่อยากเชื่อว่าจะมีฤๅษีอยู่บนเกาะยักษ์ คิดว่าเป็นยักษ์แปลงกายมาหลอกล่อศัตรู ฤๅษีเห็นลิงน้อยมุ้งมิ้งก็รู้สึกแปลก ๆ เพราะตั้งแต่อยู่บนเขาลูกนี้ก็ไม่เคยเจอลิงสักตัว ต่างฝ่ายต่างระแวงว่างั้นเถอะ...

แต่ฤๅษีนี่ก็ไม่ใช่ธรรมดานะฮะย์ย์ย์ สาเหตุที่แกอยู่ที่เกาะยักษ์นี้ได้ก็เพราะแกคือพระฤๅษีนารทมุนี บุตรของพระพรหมหรือท้าวสหบดีพรหม ผู้สั่งให้พระวิศวกรรมสร้างเมืองลงกานั่นเอง (โอ้ววว!!! ใครจะกล้ามีปัญหาด้วยล่ะค้าบ) แถมพระนารทฤๅษียังเป็นสาวกคนแรกแห่งองค์นารายณ์ และมีหน้าที่คอยกราบทูลเรื่องราวความเป็นไปบนโลกให้พระอิศวรทรงทราบด้วยนะครัชชช (อะไรนะ!!! ไม่รู้จัก!!! อืม...งั้นเอางี๊ละกัน เคยดูหนังอินเดีย หนังไทยจักร ๆ วงศ์ ๆ มั๊ย? จะมีฤๅษีตนนึงที่เทียวไปเทียวมาได้ทั่วทั้งโลกมนุษย์ทั้งโลกสวรรค์ เวลาจะพูดอะไรแต่ละทีต้องขึ้นต้นว่า “นาร๊ายยย นารายณ์” โอเคยัง? จบนะ? ร้องอ๋อกันเลยล่ะสิ 555)...

เอ้า! ต่อ ๆ...พอลิงน้อยมุ้งมิ้งเข้าไปหาก็บอกพระฤๅษีว่า หนูเป็นลิงป่าหลงทางมา ได้ยินว่ากรุงลงกาใหญ่โตมาก ก็เลยจะขึ้นเขานิลกาลามาดูให้เห็นกับตาว่าใหญ่โตขนาดไหน...พระนารทฤๅษีได้ยินก็หัวเราะก๊าก บอกลิงน้อยว่า เอ็งขึ้นเขาผิดลูกแล้วล่ะไอ้หนู ไอ้ที่เอ็งยืนอยู่กะข้าเนี่ย มันคือ “เขาโสฬส” ใช่เขานิลกาลาซะที่ไหนเล่า หนุมานก็หน้าแหกสิครับ หนอย หนอย เจ้ายักษ์นี่บังอาจเยาะเย้ยข้า เดี๋ยวจะสั่งสอนให้รู้สำนึก...

คิดแล้วหนุมานก็แสร้งง่วงโดยไม่มีสาเหตุ ขอพระนารทฤๅษีพักแรมที่นี่สักคืน ฤๅษีก็เมตตาจึงให้หนุมานไปนอนพักในศาลา หนุมานโดดเข้าศาลาได้ก็เนรมิตกายใหญ่โตคับศาลา แกล้งร้องบ่นกับฤๅษี ไหนว่าเป็นฤๅษีใหญ่ ใยอาศรมจึงเล็กนัก จะนอนให้สบายหน่อยก็ไม่ได้ พระนารทฤๅษีแกก็รู้แล้วล่ะครับว่าหนุมานอยากลองดี ก็เลยเนรมิตให้ศาลนั้นขยายใหญ่ขึ้น หนุมานได้ทีไม่ยอมแพ้ก็ขยายตัวบ้าง แล้วก็ผลัดกันขยายแข่งกัน สุดท้ายฤๅษีนารทมุนีก็ทนรำคาญไม่ไหว เสกบันดาลพายุฝนสาดเข้าทุกทิศทางจนหนุมานทนหนาวไม่ไหว คืนกลับร่างปกติตัวสั่นงันงก ฤๅษีเห็นดังนั้นก่อเสกกองไฟให้หนุมานได้ผิงคลายหนาว ด้วยความเหนื่อยล้าตั้งแต่เหาะข้ามมหาสมุทรมา แถมต้องสู้กับนางผีเสื้อสมุทรอยู่พักใหญ่ ไม่นานหนุมานก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย...


พระนารทฤๅษีเห็นหนุมานหลับแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก หนอย! ไอ้ลิงนี่! เมื่อกี๊เล่นเอาเปลืองแรงไม่ใช่เล่น แบบนี้ต้องสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว ว่าแล้วก็เดินไปยังสระน้ำข้างศาลา บริกรรมคาถาใส่ไม้เท้ากลายเป็นปลิงยักษ์ จากนั้นก็เตี๊ยมกันให้ซ่อนตัวอยู่ในสระ เดี๋ยวตอนเช้ารู้กัน...

รุ่งขึ้นหนุมานตื่นมางัวเงีย ๆ เดินไปล้างหน้าที่สระน้ำ ปลิงยักษ์ได้จังหวะก็โดดเข้าเกาะหมับที่คางหนุมาน ลิงเผือกทหารเอกตกใจหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง พยายามแกะก็แกะไม่ออก ยิ่งดึงก็ยิ่งยืด เหาะสูงขึ้นไปก็ยืดตามอีก คิดในใจว่าโดนแล้วกูไม่น่าเลย ก็เลยรีบวิ่งน้ำตาเล็ดไปหาพระฤๅษีพร้อมกราบขอขมา พระนารทฤๅษีเห็นดังนั้นก็หัวเราะชอบใจพลางสั่งสอนว่าแม้ตนจะอยู่ในเมืองยักษ์แต่ก็ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับยักษ์ อย่าตัดสินคนเพียงเพราะสภาพแวดล้อม จากนั้นก็เอื้อมมือมาแตะปลิงที่คางแล้วบริกรรมคาถา ปลิงยักษ์ก็กลับกลายเป็นไม้เท้าเหมือนเดิม หนุมานก็กราบลาพระฤๅษีเหาะเข้าสู่เขตเมืองลงกา...

เมื่อเหาะมาถึงเขานิลกาลาใกล้กับเมืองลงกา ก็ปรากฏยักษ์เสื้อเมืองอีกตนหนึ่ง ตนนี้คือนางอากาศตะไลซึ่งมี 4 หน้า 8 มือ แต่ละมือถืออาวุธต่าง ๆ คือ มือหนึ่งถือจักร มือสองถือพระขรรค์ มือสามถือตรี มือสี่ถือคฑา มือห้าถือง้าว มือหกถือศร มือเจ็ดถือโตมร (หอกซัด) มือแปดถือค้อนเหล็ก ทั้งสองสู้รับกัน ผลสุดท้ายหนุมานแย่งเอาพระขรรค์ตัดคอนางอากาศตะไลขาดจนถึงแก่ความตาย ก็พอดีเป็นเวลาค่ำ หนุมานจึงเหาะเข้าเมืองลงกา และพอแลเห็นปราสาทหนุมานก็ Landing ลงสู่พื้นดิน จำแลงกายเป็นยักษ์เดินเข้าเมืองลงกา เมื่อหามุมเหมาะ ๆ ได้ก็ร่ายมนต์นิทราแล้วก็เดินสำรวจปราสาททั่วไป...


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น