รามเกียรติ์ฉบับย่อจังหวะนรก
ช่วงที่ 2 ตอนที่ 10 “เที่ยวเมืองลงกา...ไม่มาไม่รู้”
เมื่อข้ามมหาสมุทรมาจนถึงเกาะที่ตั้งเมืองลงกา
นกยักษ์สัมพาทีก็พาบินวนสำรวจรอบ ๆ เกาะพร้อมทั้งอธิบายลักษณะพื้นที่ต่าง ๆ
ทั้งแนวป่าทึบ เขานิลกาลา เสร็จแล้วจึงพาทั้งสามกลับมายังเขาเหมติวันอีกครั้ง…
หนุมาน
องคตและชมพูพานนั่งปรึกษากันเรื่องลอบเข้าเมืองลงกา
หนุมานว่าระยะทางขนาดนั้นคงพอจะเหาะข้ามได้ องคตก็บอกว่าข้าคงข้ามไม่ได้
คงจะตกก่อนถึงฝั่งอยู่เยอะเหมือนกัน ส่วนชมพูพานส่ายหัวดิก บอกว่าข้าจะข้ามไปได้สักครึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้
ขนาดสามวานรเอกยังไม่ค่อยจะไหว นับประสาอะไรกับเหล่าลิงน้อยลูกกระจ๊อก
หนุมานจึงอาสาไปแต่เพียงคนเดียว
ส่วนองคตกับชมพูพานให้อยู่ควบคุมกองพลอยู่ทางฝั่งนี้
พร้อมระวังเป็นกองสนับสนุนตอนขากลับหากถูกศัตรูตามมา ว่าแล้วหนุมานก็เตรียมตัวยืดเส้นยืดสายก่อนพุ่งทะยานเหาะข้ามมหาสมุทรไปยังเกาะเมืองลงกา...
ในขณะที่กำลังจะถึงฝั่งมองเห็นอยู่ลิบ
ๆ นั้นเอง ก็เกิดเหตุทะเลปั่นป่วนเป็นฟองคลื่นขาวไปหมด
สัตว์น้ำทั้งเล็กใหญ่ทั้งสัตว์ปกติและสัตว์ร้ายต่างพุ่งแหวกว่ายกระจัดกระเจิงไปคนละทิศละทาง
น้ำทะเลหนุนสูงขึ้นเหมือนภูเขา แล้วก็พลันปรากฏยักษิณีตัวใหญ่น่ากลัวตนหนึ่งขวางทางหนุมานไว้...
ยักษิณีตนนี้นามเดิมว่า
“สิหิกา” แต่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “นางผีเสื้อสมุทร”
เป็นนายด่านทางน้ำของเมืองลงกามาตั้งแต่สมัยที่สหบดีพรหมหรือพระพรหมสั่งให้พระวิศวกรรมสร้างกรุงลงกาในครั้งแรกนั้นเอง
(เรื่องสร้างกรุงลงกาอยู่ในช่วงที่ 1 ตอนแรก ๆ เลย
ลองย้อนกลับไปอ่านกันดูได้นะครับ) เป็นหนึ่งในเจ็ดกองลาดตระเวนรักษาเมือง ได้แก่ กุมภาสุร
ฤทธิกัน สารัณทูต วิชุดา วายุภักษ์ อากาศตะไลและผีเสื้อสมุทร...
ในเรื่องความหมายของชื่อ
“ผีเสื้อสมุทร” นั้น ขอแยกออกเป็น 3 คำ ได้แก่ ผี, เสื้อและสมุทร
โดยใจความสำคัญคือคำว่า “เสื้อ” ที่หมายถึง “ผู้ปกป้อง” เช่นคำว่า “พระเสื้อเมือง”
หรือ “พระทรงเมือง” ในสมัยก่อนนั่นเอง ส่วนคำว่า “ผี”
ก็คือภูตผีที่ใช้กันโดยทั่วไป
เนื่องจากสมัยก่อนเราแบ่งแยกประเภทในเรื่องราวประเภทนี้ออกเป็น 3 ส่วน คือ เทวดา
มนุษย์และผี ไม่ได้มีการแยกย่อยรายละเอียดเป็น ยักษ์ นางไม้ เอลฟ์ ฮ๊อบบิท พิกซี่
เหมือนในปัจจุบัน ในเมื่อไม่ใช่มนุษย์ ไม่ได้อยู่ฝ่ายดี ก็ต้องเป็นผีนั่นเอง
ดังนั้นคำนี้ถ้าแปลความหมายโดยรวมน่าจะหมายถึง “ภูตผู้พิทักษ์ปกป้องในเขตมหาสมุทร”
(อ่านฟรี ๆ สาระแน่น ๆ คุ้มมั๊ยล่ะ
555)...
กลับมาที่หนุมานกันก่อน
แค่เหาะมายังลุ้นว่าจะถึงหรือไม่ถึง เหนื่อยก็เหนื่อย ปกติชีวิตลิงก็ไม่ได้ไปวุ่นวายอะไรในน้ำอยู่แล้ว
มาเจอศัตรูแบบนี้ก็ไม่รู้จะสู้ยังไง จะเหาะหนีก็โดนตามทัน
พอจะสู้แม่ยักษ์นั่นก็ลากลงน้ำ ดำผุดดำว่ายหายใจไม่สะดวกอีก สุดท้ายก็คิดแผนได้
จึงแสร้งพุ่งขึ้นเหนือน้ำ ทำฟอร์มว่าจะหนี นางยักษิณีเห็นแบบนั้นก็ตามสิครับ หนุมานรออยู่บนฟ้าคอยท่าอยู่แล้ว
พอเห็นนางยักษ์กำลังจะโผล่มาก็แปลงร่างหดลงจนเล็กจิ๋ว ผีเสื้อสมุทรโผล่มา
หาไม่เจอก็คลั่ง หันรีหันขวางหันซ้ายหันขวา แหกปากร้องโวยวาย
หนุมานสบโอกาสก็เหาะเข้าไปใน Oral
(ช่องปาก) ผ่าน Esophagus (หลอดอาหาร) ลงไปยัง
Stomach (กระเพาะอาหาร) (กระแดะภาษาอังกฤษซะด้วย 555)
แล้วก็ล้วงเอาตรีศูลวิเศษออกมาจากหน้าอก
จ้วงแทงแหวกท้องผ่าลำตัวนางผีเสื้อสมุทรเละเทะจนขาดใจตาย
เป็นอันเสร็จสิ้นการต่อสู้
จากนั้นจึงล้างเนื้อล้างตัวแล้วเหาะข้ามไปถึงเกาะโดยปลอดภัย...
ครั้งก่อนหนุมานขี่หลังพญานกสัมพาทีมาสำรวจเกาะครั้งหนึ่งแล้ว
จำได้ว่ามีเขาสูงใหญ่ชื่อเขานิลกาลา หากได้ขึ้นไปสำรวจสภาพโดยรอบก่อนคงเป็นการดี
ว่าแล้วหนุมานจึงเหาะลงยังภูเขาสูงทันที
พอลงถึงพื้นดินก็เดินสำรวจภูเขานั้นก่อนก็มาเจออาศรมของฤๅษีตนหนึ่ง
จึงจำแลงกายเป็นลิงน้อยน่ารักมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งเข้าไปหา
ใจของหนุมานก็ไม่อยากเชื่อว่าจะมีฤๅษีอยู่บนเกาะยักษ์
คิดว่าเป็นยักษ์แปลงกายมาหลอกล่อศัตรู ฤๅษีเห็นลิงน้อยมุ้งมิ้งก็รู้สึกแปลก ๆ
เพราะตั้งแต่อยู่บนเขาลูกนี้ก็ไม่เคยเจอลิงสักตัว ต่างฝ่ายต่างระแวงว่างั้นเถอะ...
แต่ฤๅษีนี่ก็ไม่ใช่ธรรมดานะฮะย์ย์ย์
สาเหตุที่แกอยู่ที่เกาะยักษ์นี้ได้ก็เพราะแกคือพระฤๅษีนารทมุนี
บุตรของพระพรหมหรือท้าวสหบดีพรหม ผู้สั่งให้พระวิศวกรรมสร้างเมืองลงกานั่นเอง
(โอ้ววว!!! ใครจะกล้ามีปัญหาด้วยล่ะค้าบ) แถมพระนารทฤๅษียังเป็นสาวกคนแรกแห่งองค์นารายณ์
และมีหน้าที่คอยกราบทูลเรื่องราวความเป็นไปบนโลกให้พระอิศวรทรงทราบด้วยนะครัชชช
(อะไรนะ!!! ไม่รู้จัก!!! อืม...งั้นเอางี๊ละกัน
เคยดูหนังอินเดีย หนังไทยจักร ๆ วงศ์ ๆ มั๊ย? จะมีฤๅษีตนนึงที่เทียวไปเทียวมาได้ทั่วทั้งโลกมนุษย์ทั้งโลกสวรรค์
เวลาจะพูดอะไรแต่ละทีต้องขึ้นต้นว่า “นาร๊ายยย นารายณ์” โอเคยัง? จบนะ? ร้องอ๋อกันเลยล่ะสิ
555)...
เอ้า! ต่อ
ๆ...พอลิงน้อยมุ้งมิ้งเข้าไปหาก็บอกพระฤๅษีว่า หนูเป็นลิงป่าหลงทางมา
ได้ยินว่ากรุงลงกาใหญ่โตมาก ก็เลยจะขึ้นเขานิลกาลามาดูให้เห็นกับตาว่าใหญ่โตขนาดไหน...พระนารทฤๅษีได้ยินก็หัวเราะก๊าก
บอกลิงน้อยว่า เอ็งขึ้นเขาผิดลูกแล้วล่ะไอ้หนู ไอ้ที่เอ็งยืนอยู่กะข้าเนี่ย มันคือ
“เขาโสฬส” ใช่เขานิลกาลาซะที่ไหนเล่า หนุมานก็หน้าแหกสิครับ หนอย หนอย
เจ้ายักษ์นี่บังอาจเยาะเย้ยข้า เดี๋ยวจะสั่งสอนให้รู้สำนึก...
คิดแล้วหนุมานก็แสร้งง่วงโดยไม่มีสาเหตุ
ขอพระนารทฤๅษีพักแรมที่นี่สักคืน ฤๅษีก็เมตตาจึงให้หนุมานไปนอนพักในศาลา
หนุมานโดดเข้าศาลาได้ก็เนรมิตกายใหญ่โตคับศาลา แกล้งร้องบ่นกับฤๅษี ไหนว่าเป็นฤๅษีใหญ่
ใยอาศรมจึงเล็กนัก จะนอนให้สบายหน่อยก็ไม่ได้ พระนารทฤๅษีแกก็รู้แล้วล่ะครับว่าหนุมานอยากลองดี
ก็เลยเนรมิตให้ศาลนั้นขยายใหญ่ขึ้น หนุมานได้ทีไม่ยอมแพ้ก็ขยายตัวบ้าง
แล้วก็ผลัดกันขยายแข่งกัน สุดท้ายฤๅษีนารทมุนีก็ทนรำคาญไม่ไหว
เสกบันดาลพายุฝนสาดเข้าทุกทิศทางจนหนุมานทนหนาวไม่ไหว คืนกลับร่างปกติตัวสั่นงันงก
ฤๅษีเห็นดังนั้นก่อเสกกองไฟให้หนุมานได้ผิงคลายหนาว
ด้วยความเหนื่อยล้าตั้งแต่เหาะข้ามมหาสมุทรมา แถมต้องสู้กับนางผีเสื้อสมุทรอยู่พักใหญ่
ไม่นานหนุมานก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย...
พระนารทฤๅษีเห็นหนุมานหลับแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก
หนอย! ไอ้ลิงนี่! เมื่อกี๊เล่นเอาเปลืองแรงไม่ใช่เล่น
แบบนี้ต้องสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว ว่าแล้วก็เดินไปยังสระน้ำข้างศาลา บริกรรมคาถาใส่ไม้เท้ากลายเป็นปลิงยักษ์
จากนั้นก็เตี๊ยมกันให้ซ่อนตัวอยู่ในสระ เดี๋ยวตอนเช้ารู้กัน...
รุ่งขึ้นหนุมานตื่นมางัวเงีย
ๆ เดินไปล้างหน้าที่สระน้ำ ปลิงยักษ์ได้จังหวะก็โดดเข้าเกาะหมับที่คางหนุมาน
ลิงเผือกทหารเอกตกใจหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง พยายามแกะก็แกะไม่ออก ยิ่งดึงก็ยิ่งยืด
เหาะสูงขึ้นไปก็ยืดตามอีก คิดในใจว่าโดนแล้วกูไม่น่าเลย
ก็เลยรีบวิ่งน้ำตาเล็ดไปหาพระฤๅษีพร้อมกราบขอขมา พระนารทฤๅษีเห็นดังนั้นก็หัวเราะชอบใจพลางสั่งสอนว่าแม้ตนจะอยู่ในเมืองยักษ์แต่ก็ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับยักษ์
อย่าตัดสินคนเพียงเพราะสภาพแวดล้อม จากนั้นก็เอื้อมมือมาแตะปลิงที่คางแล้วบริกรรมคาถา
ปลิงยักษ์ก็กลับกลายเป็นไม้เท้าเหมือนเดิม หนุมานก็กราบลาพระฤๅษีเหาะเข้าสู่เขตเมืองลงกา...
เมื่อเหาะมาถึงเขานิลกาลาใกล้กับเมืองลงกา
ก็ปรากฏยักษ์เสื้อเมืองอีกตนหนึ่ง ตนนี้คือนางอากาศตะไลซึ่งมี 4 หน้า 8 มือ แต่ละมือถืออาวุธต่าง ๆ คือ มือหนึ่งถือจักร มือสองถือพระขรรค์
มือสามถือตรี มือสี่ถือคฑา มือห้าถือง้าว มือหกถือศร มือเจ็ดถือโตมร (หอกซัด)
มือแปดถือค้อนเหล็ก ทั้งสองสู้รับกัน ผลสุดท้ายหนุมานแย่งเอาพระขรรค์ตัดคอนางอากาศตะไลขาดจนถึงแก่ความตาย
ก็พอดีเป็นเวลาค่ำ หนุมานจึงเหาะเข้าเมืองลงกา และพอแลเห็นปราสาทหนุมานก็ Landing ลงสู่พื้นดิน
จำแลงกายเป็นยักษ์เดินเข้าเมืองลงกา เมื่อหามุมเหมาะ ๆ
ได้ก็ร่ายมนต์นิทราแล้วก็เดินสำรวจปราสาททั่วไป...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น