วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

รามเกียรติ์ ช่วงที่ 2 ตอนที่ 6

รามเกียรติ์ฉบับย่อจังหวะนรก ช่วงที่ 2 ตอนที่ 6 “เมื่อรักฉันเกิด”

ทศกรรฐ์คิดแผนจะใช้มารีศลูกนางกากนาสูรไปล่อลวงนางสีดา คิดแล้วก็ออกเสนามีบัญชาแก่มารีศว่า บัดนี้พี่น้องชีไพรกับหญิงหนึ่งชื่อสีดา มาอยู่ที่บริเวณโคทาวารี บังอาจตัดมือตัดเท้าตัดจมูกตัดหูนางสำมนักขา ทั้งฆ่าทูต ขร ตรีเศียรวอดวายไปสิ้น ครั้นมหายักษาอย่างข้าจะไปสังหารเอาชีวิตพวกมันก็หามีเกียรติอันใด หากแต่สังหารพวกมันด้วยเล่ห์เพทุบายให้พวกมนุษย์นั้นได้ทุกข์แสนสาหัสจะเหมาะสมยิ่งกว่า ให้มารีศแปลงเป็นกวางทอง ไปยังอาศรมล่อลวงนางสีดาด้วยมารยา ให้นางมีจิตพิศวงลุ่มหลงด้วยกลของยักษ์ เมื่อพระรามพระลักษณ์ไปตามกวาง ทศกรรฐ์จะแอบลักนางสีดามาให้ได้...

มารีศได้ยินทศกรรฐ์ออกนามพระรามดังนั้นก็ตกใจ กรี๊ดแต๋วแตกบอกทศกรรฐ์ว่าครั้งที่แล้วทั้งแม่ทั้งพี่ของข้าถึงกับตายคาที่ ข้าเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ขอทศกรรฐ์จงเมตตา พระรามนั้นคือพระนารายณ์อวตารมาปรากฏพระยศใหญ่ยิ่งนัก ขนาดพี่น้องท่านทั้งสามยังเอาชีวิตไม่รอด ให้ข้าไปครานี้ก็เหมือนให้ข้ากลับไปตาย ทรงตรึกตรองดูใหม่เถอะ...


ทศกรรฐ์ได้ยินมารีศว่าดังนั้นก็อารมณ์เสีย อารมณ์เสีย อารมณ์เสีย ขึ้นมาทันที ตะโกนใส่หน้ามารีศว่า กลัวแม้กระทั่งชีป่า แกล้งสรรเสริญมนุษย์ว่าเป็นนารายณ์อวตาร พวกญาติวงศ์ตายไม่เป็นห่วงเห็นแต่ชีวิตตนเท่านั้น เสียแรงนับถือว่าเป็นน้า จะพูดจริงสักนิดก็ไม่มี...

มารีศก็พนมมือไหว้แล้วว่า ญาติวงศ์พงศาที่มอดม้วยไปหาใช่ว่าไม่แค้นก็หาไม่ แต่คิดว่ากระทำไปก็จะมีภัยมาถึงทศกรรฐ์ เพราะทศกรรฐ์เองก็เป็นถึงยักษ์ CEO ตำแหน่งใหญ่โตมหาศาลมีสนมบริวารมากมาย จะไปต้องการนางสีดามาทำไมให้มาเกิดความเดือดร้อนแก่วงศ์ยักษ์ในภายภาคหน้ากันเล่า...

ทศกรรฐ์ยิ่งฟังยิ่งจี๊ด กระทืบบาทเสียงดังลั่น แล้วตวาดออกไปว่า ไอ้มารีศจัญไร ถึงจะมีศึกใหญ่ตามมาข้าก็ไม่กลัว แต่ถ้าเอ็งไม่ร่วมมือตามที่ข้าสั่ง ข้าจะสั่งประหารเอ็งทั้งโคตรเลยคอยดู...

มารีศได้ยินดังนั้นก็หน้าซีดตัวสั่นไม่สมประดี ถ้าไปยังไงก็ตาย ยังดีที่ตายแค่เพียงตนเอง แต่ถ้าไม่ไปก็ต้องตายทั้งโคตร สุดท้ายจึงตัดสินใจไปตามสั่งเพื่อรักษาชีวิตลูกเมียและญาติวงศ์ คิดแล้วก็น้อมเกล้าประณตบทบงสุ์แล้วทูลว่า ที่ทัดทานครั้งนี้ใช่ว่าจะกลัวตาย หากแต่ภักดีต่อทศกรรฐ์ กลัวว่าภัยจะมาถึง แต่เมื่อทศกรรฐ์ไม่เห็นด้วยก็ยินดีสนองพระราชบัญชา ซึ่งหากตนตายไปก็โปรดกรุณาชุบเลี้ยงลูกเมียด้วย...

วันรุ่งขึ้น ทศกรรฐ์พร้อมด้วยมารีศทรงรถแล้วขับข้ามสมุทรไปจนใกล้อาศรมพระราม ที่แม่น้ำโคทาวารี จึงบอกให้มารีศแปลงเป็นกวางทองไปล่อพระราม นางสีดาเห็นกวางทองสวยงามก็อยากได้จึงให้พระรามไปตามจับกวางทองมาเลี้ยงไว้ที่ศาลา...


พระรามให้นางสีดากลับไปรออยู่ที่อาศรมแล้วจึงรีบตามกวางไป เมื่อตามทันก็รู้ว่าเป็นกวางปลอมจึงแผลงศรสังหาร แต่ก่อนตายมารีศร้องเลียนเสียงพระรามเพื่อล่อพระลักษณ์ให้ออกมาช่วย นางสีดาจึงให้พระลักษณ์ซึ่งทำหน้าที่เฝ้านางตามที่พระรามสั่งไว้ให้รีบไปช่วยพระราม แม้จะรู้ว่ามิใช่เสียงพระรามแต่พระลักษณ์ก็ถูกนางสีดาผลักไสให้ออกไปช่วย จำใจต้องทิ้งนางสีดาไว้ที่อาศรมเพียงลำพัง


ฝ่ายทศกรรฐ์เห็นพระลักษณ์ออกตามพระรามไปก็ดีใจ โอมอ่านพระเวทคาถาแปลงร่างเป็นดาบส เดินลัดเลาะมาถึงพุ่มไม้มองไปเห็นนางสีดาอยู่แต่ผู้เดียวขุนยักษ์ก็มองจนไม่กระพริบตา...

พอถึงหน้าอาศรมทศกรรฐ์ก็สำรวมกายราวกับนักพรตผู้เคร่งครัด แล้วร่ายคาถามหาละลวยเป่าไปตรงหน้า นางสีดาเห็นเป็นฤๅษีท่าทางสำรวมกายก็มิได้สงสัย กล่าววาจาต้อนรับ ถามไถ่ชื่อแซ่ ทศกรรฐ์ซุยว่าตนชื่อสุธรรมอยู่แดนลงกา แล้วก็ทำทีสร้างสัมพันธ์ถามนางสีดาว่าเป็นใครอะไรยังไง...

นางสีดาก็ตอบไปว่ามีนามว่าสีดา พระรามสวามีรับสัตย์พระบิดามาบวชเป็นชีป่าร่วมกับพระลักษณ์ผู้เป็นอนุชา นางจึงตามมาเพื่อปรนนิบัติ...

ทศกรรฐ์ก็กล่าวต่อว่า นางสีดารูปร่างสวยงามอย่างนี้ไม่เห็นเหมาะกับพระราม หากได้ไปเป็นมเหสีทศเศียรเจ้ากรุงลงกาจะดีกว่า ทศเศียรนั้นไม่ใช่ยักษ์ไก่กาธรรมดา แต่เป็นถึงพวกวงศ์พรหมเชียวนะ สมบัติพัสถานมากมายบ้านเมืองใหญ่โต ถ้าสีดาได้เป็นมเหสีแล้วจะเป็นที่สรรเสริญและชื่นชมอย่างยิ่งทั้งโลกา...


นางสีดาได้ยินฤๅษีพูดก็ไม่ชอบใจตอบว่า อันทศเศียรนั้นชั่วนักไม่มีใครเปรียบได้ ใคร ๆ ก็รู้กันทั่ว เหตุใดมาชมว่าดี ส่วนพระรามเป็นพระนารายณ์อวตารมาปราบยักษ์ พระองค์ตั้งอยู่ในสัตย์ธรรม เหตุใดจึงมาติเตียนเป็นคำเท็จ หรือดาบสเป็นพวกพาลไม่รู้ผิดถูกมาประมาทพูด...

ทศกรรฐ์แปลงได้ฟังนางสีดาจึงยิ้มแล้วตอบไป ที่พูดก็ปรารถนาจะให้ได้ดี อันพระรามหรือเทียบกับทศพักตร์ได้ ทรัพย์ศฤงคารบริวารก็น้อย ทั้งฤทธิ์เดชก็อ่อน แม้ต่อด้วยพระยายักษ์พริบตาเดียวก็จะม้วยอาสัญ ปรารถนาดีจึงพูดเช่นนี้ ขอให้นางคิดดูให้ดี...

นางสีดาฟังแล้วก็เริ่มนอยด์ คิดว่าฤๅษีตนนี้ชักแหม่ง ๆ เว้ย หมิ่นผัวกรูงี้ได้ไงวะ จึงพูดว่า พระรามไม่มีฤทธิ์อย่างไร อันทูต ขร ตรีเศียร น้องชายทศกัณฐ์ยังถูกพระรามฆ่าไปซะทั้งสามตน ยิ่งกว่านั้นไพร่พลอีกสี่สิบสมุทรไทก็ตายไปเห็นกับตา ถึงขุนยักษ์จะมีสิบหน้ายี่สิบมือ มาต่อกรด้วยพระรามก็จะพากันสิ้นไปทั้งโคตรวงศ์พงศ์ยักษ์ พอเถอะ! ข้าไม่อยากจะพูดจากับฤๅษีโกหก อย่ามาพูดเซ้าซี้ กลับไปได้แล้ว...

ทศกรรฐ์โดนพูดแทงใจดำขนาดนั้นก็ทนไม่ไหว ตวาดไปว่า เจ้าสีดาจะพูดมากไปแล้ว ยกผัวตัวว่ามีฤทธิ์ วันนี้แหละจะได้เห็นกัน ข้านี่แหละทศพักตร์ หากพระรามเก่งจริงก็มาต่อยตีกันเลย ว่าแล้วก็กลับร่างเป็นยักษ์ มือแกว่งพระแสงขรรค์ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตาแดงดังแสงพระอาทิตย์...


นางสีดาเห็นดังนั้นก็อุทานว่า “ชิบหายแล้วจุ้ย!!! กรีดร้องเรียกหาพระรามพระลักษณ์พลางวิ่งหนี ทศกรรฐ์ก็วิ่งตามจับ ปากก็พูดไปว่า "อย่าได้ตกใจไปเลย พี่รักเจ้าเปรียบได้กับดวงตา ขอเชิญเจ้าไปเป็นศรีเมืองมาร ตั้งให้เป็นใหญ่กว่าสนมกรมนางทั้งปวง" ว่าพลางก็เข้าประคององค์นางสีดาขึ้นราชรถพร้อมกับพลพรรคยักษ์เอยถึงห้าสิบหมู่เป็นวงล้อม แถมบุษบกแก้วอันเป็นราชรถนั้นยังเทียมด้วยพญาราชสีห์ถึงสองพัน ซึ่งเป็นกำลังคุ้มกันอย่างแสนดีพร้อมไปในตัว แล้วขับทะยานไป...

พญานกสดายุซึ่งเพื่อนของท้าวทศรถ จู่ ๆ ก็คิดถึงพระนารายณ์จึงบินออกไปเยี่ยม มาเห็นทศกรรฐ์ลักนาสีดาใส่ราชรถมา ก็โกรธนักกางปีกเข้ากั้นขวางหน้าไว้แล้วร้องว่า ขุนมารเหตุใดจึงบังอาจไปลักพระอัครชายาของพระรามมา พระรามนั้นคือพระนารายณ์และนางสีดาก็คือพระลักษมีไม่รู้หรืออย่างไร จงรีบพานางกลับไปจะได้รอดชีวิต หากไม่ฟังข้าจะฆ่าให้ตาย...

ทศกรรฐ์ได้ฟังแทนที่จะสำนึก กลับร้องตวาดไปด้วยความโกรธว่า ไอ้ชาติเดียรฉานกงการอะไรของเจ้ามิทราบ ถึงแม้ว่าพระรามจะเป็นพระนารายณ์อวตารตนก็ไม่กลัว เจ้าบังอาจมาขวางหน้า ข้าต่างหากจะเป็นฝ่ายฆ่าเจ้าให้ตาย...


นกสดายุได้ฟังก็กล่าวตอบไปว่า ข้าเป็นสหายท้าวทศรถ พระรามก็คือหลานข้า นางสีดาก็เปรียบได้กับหลานสะใภ้ ต่อให้ทศกรรฐ์มีสิบหน้ายี่สิบมือก็ไม่กลัว แล้วก็บินเข้าถาโถมโจมตีทหารยักษ์ทั้งห้าสิบหมู่นั้นเสียก่อน ชั่วเวลาไม่ถึงโฆษณาคั่นยักษ์ทั้งห้าสิบหมู่ก็โดนสดายุฆ่าตายจนหมด ทศกรรฐ์เห็นทหารชั้นดีตายไม่เหลือก็โกรธยิ่งนัก ทั้งสิบหน้านั้นต่างก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และทั้งยี่สิบมืออันมีอาวุธครบนั้นก็สำแดงฤทธิ์ด้วยอาการกวัดดังจักรผัน แล้วกระทืบรถเป็นสัญญาณให้ชักเข้ารุกไล่พญานก เกิดเป็นฉากสู้รบกันอย่างดุเดือดมโหฬาร...



สู้ไปสู้มากลับกลายเป็นทศกรรฐ์ที่เป็นอันสิ้นประดาตัว ราชรถบุษบกแก้วก็หักพังไปต่อไม่ได้ มือหนึ่งคว้านางสีดาอุ้มไว้แล้วเหาะเผ่นออกไป คงเหลือแต่กำลังอาวุธที่ติดอยู่ทั้งสิบเก้ามือเท่านั้นก็สู้รบต่อไป และสู้ไปจนกระทั่งแม้อาวุธเหล่านั้นก็หมดลงอีก คงเหลือแต่มือเปล่าทั้งสิบเก้าเท่านั้นที่ใช้สัปยุทธ...

แต่ในขณะที่กำลังเป็นต่อจวนจะเห็นชัยชนะอยู่แค่เอื้อม และก่อนที่จะเข้าเด็จศึกเสียให้จบสิ้นนั้นเอง สดายุก็กางปีกแผ่หางร้องเย้ยทศกรรฐ์ให้ได้อายเป็นหนสุดท้ายก่อนจะต้องลาโลก และด้วยอารามย่ามใจก็เลยเผลอหลุดปากพล่อยออกไป ตนไม่เกรงกลัวผู้ใดในสามโลก นอกจากพระอิศวร พระนารายณ์ และแหวนพระอิศวรที่นิ้วนางสีดาเท่านั้น...

ทศกรรฐ์ได้ยินก็ยิ้มที่มุมปาก จากที่ทั้งสิ้นฤทธิ์ สิ้นลาย หมดปัญญาจะเอาชนะปักษี จอมอสุรีผู้เป็นยอดมหาแห่งพญายักษ์ทั้งปวงก็หันเข้าคว้าข้อมือนางสีดาและแย่งถอดแหวนวงนั้นจากนิ้ว แล้วขว้างไปเต็มแรง แหวนบังเกิดเป็นรัศมีโชติช่วงกลายเป็นวงจักรโดนทั้งปีกและหาง นกสดายุก็เซย์กู๊ดบายคาบแหวนของนางสีดาไว้ ก่อนตัวเองจะร่วงหล่นลงดิน...


เมื่อเสร็จศึกกับสดายุแล้ว ทศกรรฐ์ก็อุ้มนางสีดาเหาะไป แต่ด้วยเดชบุญบารมีที่นางสีดาซึ่งเดิมเป็นพระลักษมี ชายาของพระนารายณ์จุติมาเกิด จึงทำให้ทศกรรฐ์ร้อนกายสิ้นแรงที่จะเหาะไปลงกา จึงต้องลงมายังพื้นดิน แล้วพานางเดินตัดลัดพงดงดาน ข้ามห้วยเหวธารผ่านไป นางสีดาเห็นพญายูงทอง จึงฝากให้บอกพระรามว่ายักษ์ได้พานางมาทางนี้ ต่อมาได้เห็นฝูงลิง จึงฝากผ้าสไบไว้ถวายพระราม และทูลพระรามด้วยว่ายักษ์ได้พานางมาทางนี้...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น