วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

รามเกียรติ์ ช่วงที่ 2 ตอนที่ 8

รามเกียรติ์ฉบับย่อจังหวะนรก ช่วงที่ 2 ตอนที่ 8 “Prepare for a war

ปัญหาหนักใจอีกอย่างของสุครีพในการรวมไพร่พลก็คือท้าวมหาชมพูเจ้าเมืองชมพูนั่นเอง ตัวท้าวนั้นเป็นคนโคตรจะเซลฟ์ ไม่ให้ความเคารพใครง่าย ๆ นอกเหนือจากพระตรีมูรติ เมื่อสุครีพแจ้งข่าวไป ท้าวมหาชมพูก็ไม่ใคร่เชื่อว่าพระรามนั้นคือองค์นารายณ์อวตาร ครั้นจะให้เดินทางมาพิสูจน์ ท้าวมหาชมพูก็ไม่เอาด้วยเพราะทะนงในศักดิ์ศรีของตน หากจะใช้กำลังบังคับก็ไม่ใช่เรื่องสมควร เพราะท้าวมหาชมพูก็เป็นเพื่อนรักกับพาลี อีกทั้งตัวท้าวเองก็มีฤทธิ์มากพอ ๆ กับพาลีรบกันมีแต่เสียกำลังพลที่ห้ำหั่นกันไปเสียเปล่า ๆ...


แต่สุดท้ายหนุมานก็อาศัยไหวพริบแก้ปัญหา (ที่ต้องใช้ไหวพริบเข้าช่วยต้องไม่ลืมว่าตอนนี้หนุมานยังมีผลจากคำสาปลดกำลังของพระอุมามเหสีของพระอิศวรอยู่นะครับ) โดยการลอบเข้าไปในเมืองชมพูในคืนเดือนแรม เมื่อเข้าไปในบริเวณปราสาทของท้าวมหาชมพูก็ร่ายมนต์สะกดให้ทหารยาม ทหารเอก รวมถึงตัวท้าวเองหลับใหลไม่รู้ตัว จากนั้นจึงหักยอดปราสาทลอดเข้าไปยกท้าวมหาชมพูออกมาทั้งแท่นบรรทม แล้วจึงพาเหาะไปยังเชิงเขาคันธมาทน์เพื่อให้ท้าวมหาชมพูได้พบกับพระราม...


ปัญหาขั้นต่อมาก็คือท้าวมหาชมพูยังไม่เชื่อว่าพระรามนั้นคืออวตารของพระนารายณ์ หนุมานจึงทูลขอให้พระราม ให้จำแลงกายกลับเป็นพระนารายณ์ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วหนุมานจึงคลายมนต์สะกด ท้าวมหาชมพูตื่นมาพบพระนารายณ์อยู่ต่อหน้าก็ตกใจแทบสิ้นสติ พระรามในร่างพระนารายณ์จึงเจรจาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นพร้อมทั้งขอความช่วยเหลือจากท้าวมหาชมพู ท่านท้าวมีหรือจะปฏิเสธ เสร็จงานนี้พระรามถึงกับเอ่ยปากชมหนุมานเป็นอันมาก และได้ลูบหัวจรดหางล้างคำสาปพระอุมาแก่หนุมานอีกด้วย...


ย้อนกลับมาทางเมืองชมพูกันบ้าง หลังจากหนุมานถอนมนต์สะกดแล้ว นิลพัทบุตรบุญธรรมของท้าวมหาชมพูตื่นมาพบว่าท่านท้าวหายไป ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าท่านท้าวถูกพวกเมืองขีดขินจับตัวไปเป็นแน่แท้ จึงมุ่งหน้าไปสืบข่าวที่เมืองขีดขินก็ทราบว่าขณะนี้ท้าวมหาชมพูอยู่ที่เชิงเขาคันธมาทน์ เมื่อมาถึงก็แปลกใจที่เห็นพ่อบุญธรรมนั่งสนทนากับมนุษย์อย่างนบน้อม จึงแปลงกายเป็นแมลงเข้าไปเกาะบ่าท้าวมหาชมพู กระซิบถามเรื่องราว ท้าวมหาชมพูจึงบอกให้นิลพัทคืนร่างและถวายตัวรับใช้พระราม จากนั้นจึงให้นิลพัทกลับไปแจ้งข่าวแก่บริวารเมืองชมพูและให้เตรียมกองกำลังให้พร้อมออกเดินทาง เป็นอันว่ากองทัพวานรทั้งจากเมืองขีดขินและเมืองชมพูก็ได้เข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักของการศึกครั้งนี้อย่างเป็นทางการ และนี่ถือเป็นการเปิดตัวกองกำลังทหารเอก 18 มงกุฎจากทั้งสองเมืองด้วย ซึ่งตามเนื้อหาดั้งเดิมระบุไว้ว่ารายชื่อวานรทั้งสองเมืองรวมกันได้บัญชีรายชื่อถึง 77 เล่ม แบ่งเป็นรายชื่อวานรจากเมืองขีดขิน 50 เล่ม และรายชื่อวานรจากเมืองชมพูอีก 27 เล่ม...

ปัญหาเฉพาะหน้าแก้ไขเรียบร้อยหมดแล้ว แต่ปัญหาหลักยังอยู่เหมือนเดิม นั่นคือ “เมืองลงกาอยู่ที่ไหนวะ” ทั้งมนุษย์ทั้งลิงมองหน้ากันไปมองหน้ากันมาแล้วก็ส่ายหัวดิ๊ก ๆ พระรามก็บอกว่ารู้แค่ว่าทิศหรดีตามที่เทวดาบอก บรรดาลิงทหารเอกรวมถึงกลุ่มสิบแปดมงกุฎก็ไม่ทราบแน่ชัด สุดท้ายหน่วยข่าวกรองวานรแก็งสเตอร์ก็คัดกรองว่ามีเมืองเต็งที่คาดว่าจะเป็น “กรุงลงกา” อยู่ 10 เมือง ประเด็นคือแต่ละเมืองเนี่ยอยู่กันคนละทิศละทางเลย ดังนั้นจึงต้องมีการสืบข่าว โดยเริ่มจากเมืองที่เป็นไปได้มากที่สุดก่อน...

ความเป็นไปได้มาก หมายความว่าก็น่าจะอันตรายมากเช่นกัน ดังนั้นผู้ที่จะปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ต้องทั้งเก่ง ทั้งฉลาด เอาตัวรอดได้ดี สุครีพได้ยินดังนั้นก็ส่งสายตาหาหนุมานหลานรักทันที เรื่องการลักพาตัวท้าวมหาชมพูผู้มีฤทธิ์ใกล้เคียงพาลีไม่ใช่งานง่าย แต่เจ้ากลับทำเหมือนไม่ใช่งานยาก ครานี้จงเดินทางไปสืบดูให้รู้ที่ตั้งเมืองลงกาเถิด จะได้ตรวจเช็คสภาพหลังจากปลดคำสาปพระอุมาเทวีเสียไปด้วยในตัว ว่าแล้วสุครีพก็สั่งหนุมานให้ไปปฏิบัติภารกิจโดยมีองคตและชมพูพาน พร้อมลิงบริวารอีกห้าร้อยตัวเดินทางไปด้วยจะได้ไม่เหงา (ในบทพระราชนิพนธ์ฉบับรัชกาลที่ 1 ระบุไว้ว่าลิงบริวารมีจำนวน “สองสมุท” ซึ่งหาคำแปลไม่เจอเลยใช้จำนวนห้าร้อยตามบทพระราชนิพนธ์ฉบับรัชกาลที่ 2 แทน)...

ก่อนออกเดินทางพระรามได้เรียกหนุมานเข้าพบ ถวายผ้าสไบและแหวนของนางสีดาที่ได้จากสดายุและลิงป่าให้แก่หนุมาน สั่งว่าหากพบนางสีดาเมื่อใดให้มอบของเหล่านี้ให้นางเพื่อยืนยันว่าหนุมานเป็นคน (ลิง) ที่พระรามส่งมา และบอกนางว่าพระรามกำลังจะไปช่วยเหลือ หนุมานไม่แน่ใจจึงถามว่าหากนางสีดาไม่เชื่อจะทำเช่นไร พระรามจึงบอกโค้ดลับไปว่าพระรามตกหลุมรักนางสีดาตั้งแต่แรกเห็นที่ช่องพระแกล (ก่อนยกมหาธนูโมลี) ซึ่งนางสีดาจะต้องเชื่อเพราะไม่มีคนอื่นที่รู้เรื่องนี้...


ในระหว่างที่ทัพของพระรามตระเตรียมไพร่พล สะสมเสบียงและรอข่าวจากทางหนุมานอยู่นั้น ก็มีคนธรรพ์ตนหนึ่งเหาะผ่านมา เห็นฝูงลิงทั้งเล็กใหญ่รวมตัวกันเอะอะมะเทิ่ง ทั้งยังแสดงท่าทีเหมือนจะไปสู้รบปรบมือกับใคร จึงร่อนลงแอบดูอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่สิ้นสงสัยจึงก้าวออกมาให้เห็นกาย ฝูงวานรใหญ่น้อยเห็นเข้าก็รีบกรูเข้ามาล้อมไว้ ไต่ถามได้ความว่า อมนุษย์กึ่งเทวดาตนนี้ชื่อประคนธรรพ แวะเวียนมาดูเพราะสงสัยว่าเหล่าวานรคิดอ่านประการใดจึงมารวมตัวกันมากมายถึงเพียงนี้...


นิลขันซึ่งเป็นผู้ดูแลไพร่พลจึงกล่าวว่าพี่น้องเหล่านี้กำลังจะไปร่วมรบกับองค์นารายณ์อวตารเพื่อปราบทุกข์เข็ญจากยักษ์ทศกรรฐ์ ด้วยความกล้าหาญประคนธรรพจึงขอให้นิลขันพาเข้าไปถวายตัวรับใช้พระรามด้วย เมื่อได้สนทนากันพระรามก็เล็งเห็นความตั้งใจ ทั้งยังรู้ว่าประคนธรรพมีจิตใจที่ดี ตั้งใจช่วยเหลือในการปราบทุกข์เข็ญ จึงแต่งตั้งให้ประคนธรรพเป็นหนึ่งในทหารเอก...

กลับมาทางด้านหนุมาน องคตและชมพูพานกันบ้าง หลังจากเดินทางมาไกลก็มาถึงสระโบกขรณี หรือเรียกให้สละสลวยว่า “สระบัว” นั่นแหละ 555 สระนี้มีชื่อว่า “พันตา” เรียกรวม ๆ ก็จะเป็น “สระโบกขรณีพันตา” ไม่มีอะไรหรอก พิมพ์เพิ่มให้เนื้อหามันดูเยอะ ๆ ไว้ก่อน 555 เอาล่ะแวะพักแบบระบุสถานที่แบบนี้ เดาพล็อตต่อไปออกเลยใช่มะ ถูกต้องนะค้าบบบ!!! มันต้องมีอะไรออกมาแน่ ๆ...

ที่สระบัวนี้มีเจ้าสระที่ชื่อ “ไมเคิล เฟล็บส์” 555 ไม่ใช่สิ! นั่งพิมพ์ดึก ๆ มันเบื่อนี่นา มีเจ้าสระชื่อว่า “ปักหลั่น” ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นข้ารับใช้พระอิศวร แต่ดันเจ้าชู้เกินงาม ไปทะลึ่งทะเล้นก้อร่อก้อติกกับนางเกสรมาลา นางสนมคนหนึ่งของพระอิศวรเข้า พระอิศวรก็ แองกรี่ อะเกน (รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้) สาปให้ลงมาเป็นยักษ์เฝ้าสระแห่งนี้...

ปักหลั่นเห็นฝูงลิงน้อยใหญ่มานอนอยู่ริมสระก็หวานปากสิครับ เล็งไอ้ตัวเขียวก่อนล่ะวะ ดูดีมีชาติตระกูล ท่าทางจะเป็นหัวหน้าแก๊งค์ ปักหลั่นก็รอจนดึกดื่นให้แน่ใจว่าหลับกันหมดแล้วค่อยลงมือ โดยการ...ถีบองคตซะเต็มเหนี่ยวเลยครับพี่น้อง องคตกลิ้งหลุน ๆ เป็นลูกขนุนตกต้น ปักหลั่นก็กระโจนตามหวังจะเอากระบองฟาดหัว (แล้วก็ไม่ฟาดซะตั้งแต่แรก จะถีบทำไมก็ไม่รู้)...


องคตก็ตื่นมาแบบงงชีวิตว่าเกิดอะไรขึ้น หันมาเจอยักษ์เงื้อกระบองพุ่งเข้ามาก็โกรธสิครับ กรูหลานพระอินทร์นะเฮ้ย ว้อนท์แบบนี้พี่รับจัดให้ ตามมาทางนี้เดี๋ยวเพื่อนพี่ตื่น ปักหลั่นเป็นยักษ์ไก่กาโดนสาปมา อิทธิฤทธิ์อะไรก็ไม่มี ตรงข้ามกับองคตหลานพระอินทร์ ลูกพาลี แม้จะไม่ได้เต้ยระดับหนุมานหรือนิลพัท แต่กับยักษ์ปลายแถวแบบนี้ ให้มาอีกร้อยตัวก็ไม่คณามือองคตหรอกครับ ปักหลั่นยิ่งสู้ยิ่งแย่ องคตที่โมโหเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งต่อยยิ่งด่า รู้รึยังว่าใครเจ๋ง เห็นเป็นลิงจะมาเบ่งใส่ง่าย ๆ เรอะ พี่มาทำงานให้พระราม องค์นารายณ์อวตารนาเหวย ต้องมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้มันหงุดหงิดเฟ้ยยย...

ปักหลั่นได้ยินคำว่าพระรามก็หยุดมือ ซาวนด์คำสาปพระอิศวร เฟด อิน ขึ้นมาในหัว รีบถอยพลางขอยอมแพ้ องคตหงุดหงิด ๆ เจอแบบนี้เข้าไปถึงกับงง อะไรวะ ไม่มีดราม่ามันส์ ๆ เบย ปักหลั่นก็รีบเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังและบอกว่าคำสาปของพระอิศวรจะหายไปเมื่อโดนทหารเอกของพระรามลูบหลังให้ องคตได้ฟังก็ใจอ่อน บอกว่าไอ้ตัวที่เอ็งถีบเมื่อกี๊เนี่ยแหละทหารเอกของพระรามเว้ย องคตให้ปักหลั่นหันตูด เอ๊ย! หันหลังมา ว่าแล้วก็ลูบตลอดหลังของปักหลั่น คำสาปพระอิศวรก็หายไป ปักหลั่นก็กลับขึ้นสวรรค์ไป...จากนั้นก็กลับไปนอนต่อ แน่นอนว่าหนุมานกับชมพูพานยังหลับสนิทไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น