รามเกียรติ์ ตอนที่ 4

รามเกียรติ์ฉบับย่อจังหวะนรก ตอนที่ 4 “ทฤษฎีสมคบคิด”

มียักษ์อีกตนหนึ่งชื่อ “ตรีบุรัม” ครองเมืองโสฬส ต้องการมีฤทธิ์เอาชนะพระนารายณ์ได้ จึงบำเพ็ญตบะเพื่อขอพรจากพระอิศวรที่ริมแม่น้ำเป็นเวลาเจ็ดปี จนพระอิศวรต้องเสด็จจากภูเขาไกรลาส ลงมาให้พรตามที่ขอว่า พระนารายณ์ไม่สามารถฆ่าตรีบุรัมได้ เมื่อได้พรแล้วจึงกำเริบไปข่มเหงเหล่าเทวดาและนางฟ้าจนถึงสวรรค์ชั้นที่หกเดือดร้อนไปทั่ว จึงพากันมาฟ้องพระอิศวร เนื่องจากศึกครั้งนี้ใหญ่หลวง ด้วยตรีบุรัมได้พรจากพระอิศวร ทั้งพระพรหมและพระนารายณ์ไม่อาจปราบได้ พระอิศวรจึงต้องยกทัพไปปราบเอง ในกระบวนทัพของพระอิศวร ประกอบด้วย...

พระขันธกุมารเป็นทัพหน้า

พระราหูถือธง

พระพิเนศเป็นปีกซ้าย

พระพินายะเป็นปีกขวา

พระกาฬเป็นเกียกกาย

ท้าวเวสสุวรรณเป็นยกกระบัตร

พระเพลิงเป็นกองหลัง

พระอิศวรนั่งบนหลังพระโคอุสุภราช

เอากำลังพระพรหมผสมกับพระเดชเป็นเกราะเพชร

เขาพระสุเมรุเป็นคันธนูชื่อ มหาโลหะโมลี

เอาอนันตนาคราชเป็นสายธนู

พระนารายณ์เป็นลูกศร


ในครั้งแรกทรงยิงด้วยธนูโมลี 3 ครั้ง แต่ลูกศรไม่ออกจากแล่ง เพราะพรจากพระอิศวรที่เคยให้ไว้ พระอิศวรจึงใช้ท่า Ultimate ลืมตาที่สามขึ้นเป็นเพลิงกรดไหม้ตรีบุรัมตาย จากนั้นจึงมอบธนูโลหะโมลีไว้ที่เมืองมิถิลาและฝากเกราะเพชร ไว้ที่พระฤาษีอัคถะดาบส เพื่อเก็บไว้ถวายพระนารายณ์ตอนอวตารมาปราบเหล่ายักษ์

***หมายเหตุ : ขยายความใครเป็นใครในกองทัพเทพของพระอิศวร

1. พระขันธกุมาร โอรสของพระอิศวรและพระนางอุมาเทวี เป็นเทพแห่งสงคราม มีพี่น้องคือพระพิฆเนศวร และพระพินาย
2. พระราหู ได้เกิดมาเป็นน้องร่วมท้องเดียวกันกับเทวดานพเคราะห์อีกสององค์ คือ พระอาทิตย์และพระจันทร์ เมื่อครั้งที่เหล่าเทวดาได้ทำพิธีกวนเกษียรสมุทรเพื่อให้ได้น้ำอัมฤตนั้น พระราหูได้แอบอยู่ในกลีบเมฆ เมื่อทำพิธีสำเร็จพระราหูจึงรีบลอบดื่มน้ำอัมฤต พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เห็นเข้าจึงรีบเอาความนั้นไปทูลบอกพระนารายณ์ เมื่อทราบเรื่องจึงขว้างจักรตัดไปถูกกลางตัวพระราหูขาดกลายเป็นสองท่อน แต่ด้วยว่าน้ำอำมฤตที่พระราหูได้ดื่มนั้นไหลไปจนถึงกลางตัวพระราหูแล้วพอดี ครึ่งบนของพระราหูที่ถูกตัดออกจึงกลายเป็นอมตะ ส่วนครึ่งล่างนั้นได้กลายมาเป็นพระเคราะห์องค์ที่9แห่งเหล่าเทวดานพเคราะห์ซึ่งก็คือพระเกตุ
3. จากนั้นเมื่อครั้งใดที่พระราหูได้พบเจอพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ พระราหูก็จะจับมากลืนกินด้วยความโกรธแค้นที่เทวดาทั้งสององค์นำเรื่องไปทูลพระนารายณ์ แต่อมไว้ในปากได้ไม่นานก็ต้องคายออกมาเพราะทนความร้อนและรัศมีของเทวดานพเคราะห์ทั้งสองไม่ได้ เกิดเป็นเหตุของปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคาตามคติความเชื่อของคนโบราณ
4. พระพิเนศ ก็คือพระพิฆเนศวร เทพเจ้าแห่งศิลปะและความสำเร็จนั่นเอง 
5. พระพินายะ หรือ พระพินาย มีอีกนามว่า พระโกญจนาเนศวร เป็นโอรสของ พระอิศวรกับพระนางอุมาเทวี มีศักดิ์เป็น น้องชาย พระพิฆเนศวร และ พระขันธกุมาร และมีพระพักตร์เป็นช้างเช่นเดียวกับพระพิฆเนศวร เป็นเทพเจ้าแห่งช้างทุกชนิด เป็นผู้สร้าง ช้างเอราวัณ ช้างคิริยเมขล์ไตรดายุค และช้างเผือกในโลก (แต่เท่าที่หาข้อมูลในตำราส่วนมากมักยึดถือว่าพระอิศวรมีโอรสเพียง 2 องค์ คือ พระพิฆเนศวร และ พระขันธกุมาร หรือแบ่งภาคพระพิฆเนศวรเป็นพระพิเนศหรือพิเนกกับพระพินาย)
6. พระกาฬ ในภาพโคลงจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ที่พระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนของเรื่องนิลพัทไว้ว่าเป็นบุตรของ “พระกาล” ซึ่งตามข้อมูลที่หาได้ “พระกาฬ” หมายถึง “พระกาฬไชยศรี” เป็นบริวารของพระยม ทำหน้าที่นำพาดวงวิญญาณของมนุษย์ไปสู่ยมโลก...ส่วน ”พระกาล” หมายถึง เทวดาผู้รู้รอบทุกเรื่องทุกวาระของมนุษย์และสัตว์ เป็นผู้รับรู้วาระการเกิดและดับสูญทั้งปวง
7. ท้าวเวสสุวรรณ หนึ่งในจตุโลกบาลทั้ง 4 ผู้ปกครองโลกด้านทิศเหนือ ทำหน้าที่ปกครองยักษ์
8. เกียกกาย หมายถึง กองเสบียง
9. ยกกระบัตร หมายถึง ฝ่ายจัดหาอาวุธเครื่องใช้ให้กับทหาร
10. อนันตนาคราช คือ พญานาคที่เป็นพาหนะคู่บารมีของพระนารายณ์ คำว่าอนันตะมีความหมายว่า อนันต์ ไร้จุดจบ มีความยาวมากถึงขนาดว่าสามารถพันรอบโลกได้ มี ๑,๐๐๐ เศียร อนันตนาคราชขดตัวอยู่กลางเกษียรสมุทร เป็นแท่นบรรทมให้พระนารายณ์ สามารถพ่นพิษเป็นไฟบัลลัยกัลป์ล้างโลกได้เมื่อถึงเวลาสิ้นอายุของโลก เมื่อพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระรามเพื่อปราบทศกัณฐ์ อนันตนาคราชก็มาเกิดเป็นพระลักษมณ์ช่วยพระรามทำสงครามกับทศกัณฐ์ด้วย

ปล. ภาพจากพิพิธภัณฑ์ นายพิน อินฟ้าแสง จังหวัดเพชรบุรีนะครับ